สินค้าถูกจองเต็มหมดแล้ว ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 02-277-9999

LOFOTEN AURORA HUNTING สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก 10 วัน 7 คืน โดยสายการบิน EMIRATES (EK)

LOFOTEN AURORA HUNTING สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก 10 วัน 7 คืน โดยสายการบิน EMIRATES (EK)
  • ทัวร์ : Denmark [ เดนมาร์ก ]
  • เที่ยวเมือง : Copenhagen (โคเปนเฮเกน) Leknes (เล็กเนส) Narvik (นาร์วิกเฟรมเนส) Oslo (ออสโล) Tromso (ทรอมโซ) Karlstad (คาร์ลสตัด) Stockholm (สต็อกโฮล์ม) Scandinavian (สแกนดิเนเวีย)
  • โดย : go365travel-GO
  • รหัสโปรแกรม : T7542
  • Code : QQGO3ARN-EK002
  • ประเภททัวร์ : ทัวร์ต่างประเทศ
  • ระยะเวลา : 10 วัน 7 คืน
ไฮไลท์ทัวร์ Highlight
บินภายใน 2 ขา | เรือสำราญ DFDS SCANDINAVIAN SEAWAYS | สต็อกโฮล์ม | คาร์ลสตัท | ออสโล | หมู่เกาะโลโฟเทน | เลคเนส | หมู่บ้านออ | พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านชาวประมง | หมู่บ้านเรนเน | หมู่บ้านฮัมนอย | สโวลวาร์ | พิพิธภัณฑไวกิ้งโลโฟเทอร์ | หมู่บ้านเฮนนิ่งสวาร์ | บ้านชาวประมงสีแดง | นาร์วิก | ทรอมโซ | มหาวิหารอาร์คติก | กระเช้า FJELLHEISEN CABLE CAR | โคเปนเฮเกน | ลิตเติ้ลเมอร์เมด | น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน | พระราชวังอมาเลียนบอร์ก | ปราสาทโรเซนบอร์ก
รายละเอียดโปรแกรม
วันที่ 1

กรุงเทพฯ

23.30 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 8 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2

กรุงเทพฯ – ดูไบ – สต็อกโฮล์ม – คาร์ลสตัท

02.50 น. ออกเดินทางสู่กรุงดูไบด้วยเที่ยวบิน EK377
06.00 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.40 น. ออกเดินทางสู่สวีเดน ด้วยเที่ยวบิน EK152
13.45 น. ถึงท่าอากาศยานสต็อกโฮล์ม-อาลันดา (Stockholm-Arlanda Airport) เมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั๋วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั๋วโมงในวันที่ 31 มีนาคม 2562) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านผ่านชมกรุงสต็อกโฮล์ม (Stockholm) เมืองหลวงใหญ่แสนสวยของประเทศสวีเดน (Sweden) เป็นนครหลวงอันงดงามที่สุดในสแกนดิเนเวีย จนได้รับขนานนามว่า ราชินีแห่งทะเลบอลติก ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย 14 เกาะที่โอบล้อมด้วยทะเลบอลติก (Baltic Sea) ทะเลสาบมาลาเร็น (Lake Malaren) ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กรุงสตอกโฮล์ม งดงามแปลกตาในบรรยากาศรอบๆเมืองที่ตั้งอยู่บนพื้นน้ำ มีสถานที่สำคัญ อาทิ อาคารรัฐสภา, พิพิธภัณฑ์ในยุคกลาง, มหาวิหารแห่งเมือง,พระราชวังหลวงและพิธีเปลี่ยนการ์ดทหารด้านหน้าของลานจัตุรัสกว้าง เป็นต้น นำท่านเดินทางสู่เมืองคาร์ลสตัท (Karlstad) เมืองสวยงามเล็กๆ ริมทะเลสาบอยู่ระหว่างเมืองสต็อกโฮล์ม ของประเทศสวีเดนและเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ เพราะเป็นเมืองผ่านระหว่างสองเมืองใหญ่นี้ สร้างเมืองโดยกษัตริย์คาร์ลที่ 9 (Karl IX) ในปีค.ศ.1604 ชื่อเมืองจึงเรียกตามพระนามของพระองค์ Karl-stad ที่นี่มีโบสถ์ใหญ่ของเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี 1730, จัตุรัสใจกลางเมือง, ศาลากลางประจำจังหวัด และสะพานหิน
ค่ำ รับประทานาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก SCANDIC WINN หรือเทียบเท่า
วันที่ 3

คาลสตัท - ออสโล - สนามบิน - หมู่เกาะโลโฟเทน - เลคเนส

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

ออกเดินทางสู่สนามบินกรุงออสโล (Oslo) ประเทศนอร์เวย์ (Norway) โดยออสโลนั้นเป็นเมืองหลวงที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกแทนที่โตเกียว ออสโลตั้งอยู่ขอบด้านเหนือของอ่าวฟยอร์ด ระหว่างเส้นทางท่านจะได้พบกับสภาพธรรมชาติที่แปลกใหม่ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
เที่ยง อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

นำท่านออกเดินทางสู่เมืองเลคเนส (Leknes) ด้วยเที่ยวบิน.........

เดินทางถึงสนามบินเลคเนส หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) โดยโลโฟเทนนั้นเป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในมณฑล Nordland ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ โดยหมู่เกาะโลโฟเทนนั้นจะประกอบด้วยเกาะเล็กๆ ต่างๆมากมายและมีเกาะหลักอยู่ 5 เกาะได้แก่ Austvagoya, Gimsoya, Vestvagoya, Flakstadoya และ Moskenesoya โลโฟเทนนั้นมีประวัติศาตร์จากชาวไวกิ้งมากกว่า 6,000 ปี ชาวพื้นเมืองทำการประมงเป็นอาชีพหลักและเป็นหนึ่งในสถานที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูแสงเหนือมากที่สุดของนอร์เวย์ นำท่านเดินทางต่อสู่ตัวเมืองเลคเนส (Leknes) โดยเลคเนสนั้นถือเป็นเมืองใหญ่ของหมู่เกาะโลโฟเทน เป็นหนึ่งในเมืองสวยที่ขึ้นชื่อของหมู่เกาะโลโฟเทน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก SCANDIC LEKNES HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4

เลคเนส - หมู่บ้านออ – พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านชาวประมง – หมู่บ้านเรนเน – หมู่บ้านฮัมนอย - สโวลวาร์

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านออ (Å Village) ซึ่งความหมายของคำว่าออนั้นมาจากภาษาไวกิ้ง แปลว่าลำธาร โดยหมูบ้านนี้มีลำธารไหลผ่านที่มาจากทะเลสาบ Agvatnet โดยในศตวรรษที่ 16 นั้นหมู่บ้านออ เป็นสถานที่สำคัญในการจับปลาของชาวนอร์เวย์ ปลาที่นิยมจับกันในแถบนี้คือปลาคอด ซึ่งปลาคอดที่จับได้ที่หมู่บ้านออนั้นจะเป็นปลาคอดที่รสชาติดีกว่าที่อื่น เนื่องจากปลาคอดจะว่ายจากทะเลอาร์คติกมาหาน้ำอุ่นแถวหมู่เกาะโลโฟเทนเพื่อวางไข่ ซึ่งมีหมู่บ้านออเป็นจุดหมายปลายทางและปลาคอดที่กำลังจะวางไข่นั้นจะตัวอ้วนท้วมสมบูรณ์อันเป็นผลมาจากการสะสมอาหารมาอย่างเต็มที่มาก่อนจะวางไข่

นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านชาวประมง (Norwegian Fishing Village Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดแบบ Open Air รวบรวมเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงโลโฟเทน ในช่วงปีค.ศ. 1840 – 1960 โดยในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ ให้ท่านได้ศึกษาดังต่อไปนี้ โรงงานผลิตน้ำมันตับปลาคอด เนื่องจากปลาคอดนั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน ปริมาณปลาคอดที่จับได้แต่ละปีจะมีจำนวนมหาศาล โดยชาวโลโฟเทนนั้นจะนำปลาคอดที่ได้มาสกัดน้ำมัน และนำมาใช้ชีวิตประจำวันโดยเอาไว้ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการจุดตะเกียงและยังใช้เป็นส่วนผสมของสบู่ด้วย นอกจากนี้น้ำมันตับปลาคอดยังส่งผลดีต่อผิวพรรณและสุขภาพด้วย , โรงงานเบเกอรี่ เป็นโรงงานผลิตขนมปังที่ใช้เตาหินโบราณตั้งแต่ปี 1978 , เรือบ้านนอร์ดแลนด์ หรือที่รู้จักกันในนาม Nordland House เป็นเรือไม้ดั้งเดิมที่ไว้ใช้หาปลาของคนนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเรือที่มีความยาวและแคบ มีตั้งแต่ขนาดสี่ไม้พายที่ใช้สองคนพาย จนถึงแปดไม้พายที่ใช้สี่คนพาย รวมถึงเรือที่ใช้มอเตอร์แทนแรงคน ในเรือจะพบอุปกรณ์จับปลาตั้งแต่สมัยโบราณ และเรื่องราวการล่าวาฬ นอกจากนี้แล้วพิพิธภัณฑ์ยังประกอบด้วยอาคารต่างๆอีก เช่น โรงตีเหล็ก , ที่ทำการไปรษณีย์และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ หมูบ้านเรนเน หรือ หมู่บ้านรีน (Reinne) เป็นหมู่บ้านที่มีทิวทัศน์ของบ้านไม้สีแดงและเหลืองสลับกับสีขาวประกอบกับวิวจากเทือกเขาและฟยอร์ด ทำให้หมู่บ้านเรนเนนั้นได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยทีสุดของประเทศนอร์เวย์คู่กับหมู่บ้านฮัมนอย โดยที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 300 คน และหมู่บ้านเรนเนนั้นได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นและลมร้อนจากอ่าวเม๊กซิโก ทำให้อากาศในหมู่บ้านนั้นเป็นไปอย่างเย็นสบายไม่หนาวเหมือนพื้นที่อื่นๆของหมู่เกาะโลโฟเทน ทำให้หมู่บ้านเรนเนสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งภูมิทัศน์ที่มองเห็นจะแตกต่างกันไปตามแต่ฤดูกาล ในช่วงฤดูร้อนจะเห็นเทือกเขาสีเขียวสดใสตัดกับสีแดงของหมู่บ้าน และในช่วงกลางคืนของฤดูร้อนจะสามารถเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ด้วย , ฤดูใบไม้ร่วง เทือกที่เป็นฉากหลังจะเปลี่ยนไปเป็นสีส้มแดง ซึ่งสร้างความสวยงามต่างไปอีกแบบ และในฤดูหนาวเทือกเขาจะปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ทำให้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมด โดยหมู่บ้านเรนเน่นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของหมู่นักท่องเที่ยวในการมาล่าแสงเหนือกันอีกด้วย

หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ หมู่บ้านฮัมนอย (Hamnoy) หมู่บ้านขนาดเล็กแต่สวยงามน่ารัก ซึ่งท่านอาจจะคุ้นเคยกับภาพของหมู่บ้านฮัมนอยที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งโดยมีภูเขาหินรูปทรงสามเหลี่ยมเป็นพื้นหลัง เพราะหมู่บ้านแห่งนี้มักเป็นสถานที่ที่ถูกถ่ายลงในโปสการ์ดของหมู่เกาะโลโฟเทนมากที่สุด ซึ่งความสวยงามของหมู่บ้านแห่งนี้ไม่แพ้หมู่บ้านเรนเนเลยทีเดียว อิสระให้ท่านได้เดินเล่นถ่ายรูปหมู่บ้านตามอัธยาศัย ห

หลังจากนั่นนำท่านเดินทางสู่เมืองสโวลวาร์ (Svolvaer) เมืองหลวงของหมู่เกาะโลโฟเทน เป็นศูนย์กลางของการขนส่งสาธารณะของหมู่เกาะ มีทั้งสนามบิน ท่าเรือเฟอร์รี่ เชื่อมต่อสถานที่สำคัญต่างๆ และที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลลอรี่ศิลปะต่างๆมากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก THON SVOLVAER หรือเทียบเท่า
วันที่ 5

สโวลวาร์ – พิพิธภัณฑไวกิ้งโลโฟเทอร์ – หมู่บ้านเฮนนิ่งสวาร์ – บ้านชาวประมงสีแดง - นาร์วิก

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑไวกิ้งโลโฟเทอร์ (Lofotr Viking Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ไวกิ้งขนาดใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทนตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน Borg บนเกาะ Vestvagoya ภายในจะมีเรื่องราวด้านประวัติศาตร์และโบราณคดีเกี่ยวกับชาวไวกิ้งที่เคยอาศัยอยู่ที่หมู่เกาะโลโฟเทน โดยในอดีตเมื่อ 1,500 ปีที่แล้วนั้น หมู่เกาะโลโฟเทนเคยเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวไวกิ้งมาก่อน และชาวไวกิ้งได้ทิ้งอารยธรรมและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆไว้จนถึงปัจจุบันและนำมาจัดแสดงโชว์ในพิพิธภัณฑ์ โดยตัวพิพิธภัณฑ์นั้นได้ถูกออกแบบมาให้เป็นรูปแบบคล้ายเรือไวกิ้งโบราณ นอกจากนี้แล้วท่านยังสามารถเข้าร่วมกับกิจกรรมต่างๆของชาวไวกิ้งที่จัดโดยพิพิธภัณฑ์ได้ อาทิ การยิงธนูแบบชาวไวกิ้ง การขี่ม้า หรือ การพายเรือไวกิ้ง

หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเฮนนิ่งสวาร์ (Henningsvaer) อีกหนึ่งหมู่บ้านท่าเรือสำคัญอีกหมู่บ้านหนึ่งของหมู่เกาะโลโฟเทน มีพื้นที่ประมาณ 0.3 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 500 คน โดยหมู่บ้านนี้นั้นมีชื่อเสียงจากการเป็นที่ตั้งของ “สนามฟุตบอลที่แปลกและสวยที่สุดในโลก” หรือ Henningsvaer Stadium โดยเป็นสนามที่ตั้งอยู่บนเกาะล้อมรอบด้วยทะเล ตัวสนามมีสีเขียวโดดเด่น ตัดกับโขดหิน ทะเล และภูเขา และใครที่มาใช้บริการสนามแห่งนี้นั้น จะได้กลิ่นของทะเลและปลาคอดตากแห้งอันเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทนด้วย นำท่านชมบ้านชาวประมงสีแดง (Rorbuer) หมู่บ้านชาวประมงแบบดั้งเดิมที่โดดเด่นด้วยสีแดงสดใสท่ามกลางท้องมหาสมุทร โดยสาเหตุที่หมู่บ้านในโลโฟเทนนั้นมักเป็นสีแดงเพราะในอดีตสีแดงนั้นเป็นสีที่ผสมง่ายสุดและราคาไม่แพงซึ่งชาวประมงที่มีฐานะทั่วไปนิยมทาบ้านสีนี้ ทำให้บ้านสีแดงนั้นจะมีเยอะสุดในหมู่เกาะโลโฟเทน นอกจากนี้แล้วสีของบ้านยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงฐานะของบ้านนั้นอีกด้วย สำหรับบ้านที่ทาสีเหลืองนั้นจะมีฐานะปานกลาง และบ้านไหนที่ทาสีขาวล้วนจะมีฐานะร่ำรวยเพราะสีขาวนั้นชาวโลโฟเทนจะผสมมาจากสังกะสีซึ่งหาได้ค่อนข้างยากในยุคนั้น
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองนาร์วิก (Narvik) เมืองเล็กๆทางตอนเหนือของนอร์เวย์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการเล่นสกี และเมืองนี้ยังเคยเป็นสมรภูมิที่สำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก QUALITY GRAND ROYAL HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 6

นาร์วิก - ทรอมโซ – มหาวิหารอาร์คติก - กระเช้า FJELLHEISEN CABLE CAR

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองทรอมโซ (Tromso) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศนอร์เวย์อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอาร์คติคเซอร์เคิลและได้รับการขนานนามว่าเป็น ประตูสู่ดินแดนอาร์คติกอีกด้วย ทรอมโซนั้นเป็นเมืองยอดนิยมของนอร์เวย์ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาล่าแสงเหนือกันเป็นจำนวนมากจนเรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแสงเหนือเลยทีเดียว และเมืองแห่งนี้ ยังเป็นเมืองที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และคณะเคยเสด็จไปชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ในปี 2450 (ค.ศ. 1907)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย นำท่านชมมหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral) หรือวิหารทรอมส์ดาเลน (Tromsdalen Cathedral) มหาวิหารที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นเอกลักษณ์สร้างขึ้นในปี 1964 และสร้างเสร็จในปี 1965 ตั้งอยู่ในหุบเขาทรอมส์ดาเลนที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองทรอมโซ เป็นวิหารที่มีสถาปัตยกรรมโดนเด่นที่สุดในเมืองทรอมโซ มีลักษณะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ซึ่งเชื่อกันว่ารูปทรงของวิหารนั้นมาจากเกาะฮาย่าที่ตั้งอยู่ในเขตเขตเทศบาล Hammerfest ประเทศนอร์เวย์ หลังจากนั้นนำท่านขึ้นกระเช้า FJELLHEISEN CABLE CAR สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน อีกหนึ่งสถานที่ไฮไลค์ของเมืองทรอมโซโดยกระเช้าจะขึ้นไปสู่ยอดเขาสโตรสไตเนินที่มีความสูงระดับ 421 เมตร โดยท่านจะได้เห็นวิวภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองทรอมโซและบริเวณใกล้เคียงแบบพาโรนามา 360 องศา โดยในฤดูร้อนกระเช้านี้จะเปิดให้บริการจนถึงตี 1 เพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก SCANDIC GRAND TROMSO หรือเทียบเท่า
วันที่ 7

ทรอมโซ - สนามบิน - ออสโล – เรือสำราญ DFDS SCANDINAVIAN SEAWAYS

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่กรุงออสโล ด้วยเที่ยวบิน .........

เดินทางถึงสนามบินกรุงออสโล
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย นำท่านผ่านชมศาลาว่าการเมืองออสโล ซึ่งสร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามด้วยลักษณะของอาคารหอคอยคู่ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำ ซึ่งรายล้อมด้วยอาคารที่สวยงามริมออสโลฟยอร์ด อีกทั้งโรงละครแห่งชาติ (The Oslo Opera House) หนึ่งในโครงการปรับปรุงบริเวณชายฝั่งของออสโลให้เกิดเป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์ และการปรับผังการจราจรของชายฝั่งด้านตัวเมืองออสโล จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อลงเรือสำราญ DFDS (Scandinavian Seaway) ที่พรั่งพร้อมไปด้วยร้านขายของ, ร้านค้าปลอดภาษี,ร้านอาหาร, ห้อง Sauna, Spa ฯลฯ (กรุณาเตรียมกระเป๋าสำหรับค้างคืนบนเรือ 1 คืน เพื่อความสะดวกของท่าน)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบ "สแกนดิเนเวียนบุฟเฟ่ต์" ณ ภัตตาคารบนเรือ
ที่พัก พักค้างคืนบนเรือสำราญ DFDS SCANDINAVIAN SEAWAYS (ห้องพักแบบ SEA VIEW) (ในกรณีที่ห้องพัก Sea view cabin มีจำนวนห้องที่ไม่เพียงพอต่อคณะ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ในการคืนค่าใช้จ่ายให้ท่านล่ะ700 บาท)
วันที่ 8

โคเปนเฮเกน – ลิตเติ้ลเมอร์เมด – น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน – พระราชวังอมาเลียนบอร์ก – ช้อปปิ้ง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

เดินทางถึงกรุงโคเปนเฮเกน (Copenhagen) ประเทศเดนมาร์ก (Denmark) นำท่านเที่ยวชมเมืองโคเปนเฮเกน แวะถ่ายรูปคู่กับเงือกน้อย (Little Mermaid) สัญลักษณ์ของเมือง ใกล้กันเป็นย่านท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีเรือสินค้าและเรือสำราญเทียบท่าอยู่ ชมน้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน (Gefion Fountain) มีตำนานเล่าขานว่า "เทพเจ้า ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ดลบันดาลให้พระนางกอบกู้ชาติ โดยพระราชินีเกฟิออนได้แปลงร่างลูกชาย 4 คนให้เป็นโคเพื่อไถพื้นดินขึ้นมาจากใต้น้ำ ให้เกิดเป็นประเทศเดนมาร์กในทุกวันนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย นำเที่ยวชมพระราชวังอมาเลียนบอร์ก(Amalienborg Palace) บริเวณด้านนอกที่ประทับในฤดูหนาวของราชวงศ์แห่งเดนมาร์กนับตั้งแต่ ค.ศ. 1794 ตกแต่งแบบสไตล์ร็อคโคโค่ และจะมีการเปลี่ยนทหารยามหน้าวังทุกวันตอนเที่ยงเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเสด็จประทับอยู่ที่นี่ จากนั้นให้อิสระท่านชมบริเวณจัตุรัสซิตี้ฮอลล์ (City Hall) จุดถ่ายรูปสวยงามประจำเมือง และท่านจะสามารถสัมผัสบรรยากาศครึกครื้นของใจกลางเมือง ช้อปปิ้งสินค้าย่าน ถนนสตรอยก์ (Stroget Street) ถนนช้อปปิ้ง ที่ยาวที่สุดในโลก เริ่มจากศาลาว่าการเมืองไปสิ้นสุดที่ Kongens Nytorv ที่มีสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง อาทิ Louis Vuitton, Emporio Armani, Bang & Olufsen, Tommy Hilfiger, Hermès, Gucci, Burberry ฯลฯ
เย็น อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก SCANDIC SYHAVN เทียบเท่า
วันที่ 9

โคเปนเฮเกน – ปราสาทโรเซนบอร์ก - สนามบิน - ดูไบ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านชมความงามของปราสาทโรเซนบอร์ก (Rosenborg Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17 ในศิลปะแบบเรอเนสซองส์ หรือสร้างในสมัยพระเจ้าคริสเตียนที่ 4 นอกจากความงามของภายนอกแล้วภายในปราสามแห่งนี้ยังเป็นที่เก็บเครื่องเพชร มหามงกุฎ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของราชวงศ์เดนมาร์คตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอีกด้วย

ได้เวลาอันสมควร นำคณะเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำ คืนภาษี (Tax Refund) และ มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
15.30 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 152
23.45 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
วันที่ 10

ดูไบ – กรุงเทพ

03.45 น. ออกเดินทางต่อกลับสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK376
13.25 น. เดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
มื้ออาหาร
วันที่ เช้า กลางวัน ค่ำ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
รายละเอียดและเงื่อนไข

1.ชำระเงินมัดจำท่านละ 40,000 บาท โดยโอนเข้าบัญชี ที่นั่งจะยืนยันเมื่อได้รับเงินมัดจำแล้วเท่านั้น
***ในกรณีที่ต้องการให้บริษัทยื่นวีซ่าให้ ค่าวีซ่าจะต้องชำระเข้ามาพร้อมค่ามัดจำ***
2.ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของผู้ที่เดินทาง ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพื่อทำการจองคิวยื่นวีซ่า
ภายใน  3 วันนับจากวันจอง หากไม่ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตทางบริษัทขออนุญาติยกเลิกการจองทัวร์โดยอัตโนมัติ
3.เมื่อได้รับการยืนยันว่ากรุ๊ปออกเดินทางได้ ลูกค้าจัดเตรียมเอกสารให้การขอวีซ่าได้ทันที
4.หากท่านที่ต้องการออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (กรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด) ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
5.การยื่นวีซ่าในแต่ละสถานทูตมีการเตรียมเอกสาร และมีขั้นตอนการยื่นวีซ่าไม่เหมือนกัน ทั้งแบบหมู่คณะและยื่น รายบุคคล (แสดงตน) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการจองได้จากทางเจ้าหน้าที่
6.หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ นั่งรถเข็น (Wheelchair), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกใน  การเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด

1.ค่าตั๋วเครื่องบิน ชั้นประหยัด ( Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ (ในกรณีมีความประสงค์ อยู่ต่อ จะต้องไม่เกินจำนวนวัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบิน)
2.ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
3.ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ 
4.ค่าห้องพักในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า
5.ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
6.ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
7.ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล (หากต้องการเงื่อนไขกรมธรรม์สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่)
ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในระหว่างการเดินทางวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาท 
ค่ารักษาพยาบาลในกรณีเกิดอุบัติเหตุวงเงินไม่เกินท่านละ 500,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
** ลูกค้าท่านใดสนใจ...ซื้อประกันการเดินทางสำหรับครอบคลุมเรื่องสุขภาพสามารถสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมกับทางบริษัทได้ ** 
- เบี้ยประกันเริ่มต้น 341 บาท [ระยะเวลา 4-6 วัน]
- เบี้ยประกันเริ่มต้น 395 บาท [ระยะเวลา 7-10 วัน] 
**ความครอบคลุมผู้เอาประกันที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 85 ปี **  
[รักษาพยาบาล 2 ล้าน, เสียชีวิตหรือเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ 1.5 ล้านบาท]
8. ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (เฉพาะค่าบริการ)

1.ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
2.ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น  ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่าน้ำหนักเกินจากทางสายการบินกำหนดเกินกว่า 30 ก.ก., ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
3.ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา
4.ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
5.ค่าธรรมเนียมวีซ่าประเทศนอร์เวย์  (5,900 บาทต่อท่าน)
6.ค่าทิปพนักงานขับรถและไกด์ท้องถิ่น  (18 ยูโร/ต่อท่าน) 
7.ค่าทิปมัคคุเทศก์จากเมืองไทย (30 ยูโร/ต่อท่าน)